เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2564 สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า มกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบียได้เปิดเผยถึงแผนการสร้างเมืองแห่งอนาคต เมื่อวันอาทิตย์ (10 ม.ค.64) ที่ผ่านมา โดยมกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบียมีแผนการที่จะสร้างเมืองที่ไร้มลพิษ ในพื้นที่ ๆ เรียกว่า “นิอุม” (Neom) ซึ่งแปลว่า “อนาคตใหม่” ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งแรกสำหรับเขตธุรกิจชั้นนำของโลก
โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล-ซาอูด (Mohammed bin Salman al-Saud) มกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่ ได้รับการสถาปนาโดยกษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดิอาระเบียเมื่อช่วงกลางปี พ.ศ.2563 ท่านทรงได้รับมอบหมายหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และบริหารจัดการด้านการลงทุนทั้งหมดของซาอุดิอาระเบียในประเทศเยเมน ดูแลกิจการน้ำมันอารามโค (Aramco) ที่เป็นของรัฐ และดูแลงานด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาเพื่อสร้างสรรค์ความทันสมัยให้กับซาอุดิอาระเบีย
โดย ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซาอุดิอาระเบีย มีการปฏิรูปทางความคิดหลายอย่างที่ก้าวหน้าไปจากอดีต เช่น มีการให้สิทธิผู้หญิงในการเลือกตั้งสมาชิกสภาหมู่บ้าน รวมถึง ในปีพ.ศ.2563 กษัตริย์ซัลมานทรงเปิดศูนย์ต่อต้านความรุนแรงในกรุงริยาด
นิอุม (Neom) ถือเป็นแกนหลักในนโยบาย Vision 2030 หนึ่งในนโยบายที่มุ่งพัฒนาซาอุดิอาระเบียไปสู่ยุคสมัยใหม่ ซาอุดิอาระเบียคาดหวังให้นโยบายนี้ทำให้ประเทศเป็นอิสระจากการพึ่งพิงรายได้จากน้ำมัน และสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจของประเทศได้ รวมทั้งยังสร้างงานใหม่ๆ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ซาอุดิอาระเบียเกิดวิกฤตการเงินในประเทศ ซึ่งมีเหตุมาจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ได้กล่าวว่า จะมีการสร้าง “เดอะ ไลน์” (The Line) ซึ่งจะมีอาณาเขตขยายออกไปกว่า 170 กม. (105 ไมล์) โดยมีพื้นที่ครอบคลุมตั้งแต่ทะเลแดง ไปจนถึงเขตทะเลทราย และสามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้นับล้านคนใน โดยเมืองแห่งนี้จะปราศจากมลพิ ษ และไร้คาร์บอนไดออกไซด์ พลังงานทุกอย่างที่ใช้ จะเป็นพลังงานสะอาด
เดอะ ไลน์ ถือเป็นพื้นที่สำคัญของ NEOM เพราะมีระบบขนส่งมวลชนที่ล้ำสมัย ทำให้คนไม่ต้องใช้รถ และไม่ต้องเจอกับการจราจรที่ติดขัด ผู้คนเดินทางด้วยการเดินหรือด้วยรถไฟใต้ดิน ทำให้ย่นย่อระยะเวลาไปกลับในการเดินทางใน เดอะ ไลน์ เหลือเพียง 20 นาที โดย เดอะ ไลน์ พาดผ่านอาณาบริเวณรวมกันถึง 3 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย อียิปต์ และจอร์แดน
“เราต้องเสียสละธรรมชาติเพื่อประโยชน์ในการพัฒนามามากพอแล้ว เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแนวคิดของเมืองธรรมดาให้กลายเป็นเมืองแห่งอนาคต” เจ้าชายโมฮัมเหม็ดกล่าว
โครงการนี้ใช้เวลาเตรียมการยาวนานถึง 3 ปี โดยโครงสร้างพื้นฐานของเมืองจะใช้เงินประมาณ 1 แสนล้าน – 2 แสน ล้านดอลลาร์ และการสนับสนุนเป็นมูลค่า 5 แสนล้าน ดอลลาร์ จากกองทุนความมั่งคั่งแห่งราชอาณาจักร หรือ กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) ซึ่งถือเป็นผู้ลงทุนหลักของ NEOM
โครงการนี้มีแผนจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2568 โดยการก่อสร้างจะเริ่มในไตรมาสแรกของปีพ.ศ. 2564 และคาดว่าเมืองนี้จะสร้างรายได้ 48,000 ล้านดอลลาร์ให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในราชอาณาจักรและสร้างงานใหม่ กว่า 380,000 ตำแหน่ง