เมื่อไม่นานมานี้ สื่อไต้หวันเปิดเผยเรื่องราวของหนุ่มชาวไต้หวัน วัย 36 ปี ที่เรียกตนเองว่า “ยี๋หลานกวาเกอ” (แปลว่าพี่ชายขๅยมันเมืองยี๋หลาน) เนื่องจากเขาขๅยมันอยู่ที่เมืองยี๋หลาน มันที่เขาขๅยมีหลายชนิดมากมาย และลูกค้าจำนวนมากที่ชอบมันเผาที่เขาขๅยด้วย
ปัจจุบันเขามีรายได้จากการขๅยมันเผาเดือนหนึ่งเกินล้านบาท สำหรับทุกความสำเร็จก็มาจากคำพูดของอดีตแฟนสาวที่ทิ่มแทงจิตใจของเขา จนทำให้เขาฮึดสู้จนถึงทุกวันนี้
แต่กว่าจะมีวันนี้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มาฟังเบื้องหลังชีวิตก่อนจะประสบความสำเร็จกันของเขากัน เขามีชื่อว่า หวูเยี่ยนถิง เมื่อ 4 ปีก่อนเขากำลังคบหาดูใจแฟนสาวชาวยี๋หลานเหมือนกัน แต่เนื่องจากธุรกิจเพิ่งจะเริ่มต้น รายได้ก็ไม่มาก เดือนหนึ่งรายได้ประมาณ 30,000 บาท พ่อแม่ของแฟนสาวจึงบอกเธอว่า “ผู้ชายที่ขๅยมันเผาจะมีอนาคตที่ดีหรอ”
แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ ก่อนที่ทั้งสองจะจัดเตรียมงานแต่งเพียงแค่ 3 วัน แฟนสาวกลับบอกเขาว่า “ฉันรู้สึกว่าอยู่กับคุณต่อไปก็ไม่เห็นอนาคตอะไรเลย เราเลิกกันเถอะ” ในตอนนั้นเขาเสียใจเป็นอย่างมาก แต่เขาเองก็ไม่อยากรั้งแฟนสาวไว้ เพราะคิดว่าให้เธอไปเจอกับคนที่ดีกว่าเถอะ จำใจบอกลาและยกเลิกงานแต่งและตั้งอกตั้งใจขๅยมันเผาต่อไป
หลังจากที่เลิกกับแฟนสาว กลายเป็นหนุ่มโสด ก็มีเวลาในการทำธุรกิจมากขึ้น และโชคก็เข้าข้างเขา พอดีเขาได้ยินคนที่สวนปลูกมันพูดถึงมันหวานญี่ปุ่น ที่มีหลากหลายสี แถมรสชาติยังดีเยี่ยม ทำให้เขาตัดสินใจที่จะนำเข้ามันหวานของญี่ปุ่นทั้ง 8 สี
หลังจากนั้นเขาก็ทำเป็นแบรนด์ของตนเองที่ชื่อ “มันหวาน 8 สี” ไม่น่าเชื่อว่า แบรนด์สินค้าของเขาจะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าที่ชอบกินมัน ทำให้รายได้เพิ่มทวีคูณ มีออร์เดอร์เข้ามามากมาย
ในตอนแรกเขาก็ขอให้พี่ๆ น้องๆ ชาวสวนที่ปลูกมันช่วยกันบอกต่อ จากร้านเล็กๆ แคบๆ จนตอนนี้กลายเป็นร้านใหญ่โต มีพนักงานในร้านมากกว่า 10 คน ล่าสุดเขาก็ยังโพสต์ในหน้าเฟซบุ๊กของตนเองบอกข่าวดีว่า…
“ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่สามารถได้รับใบรับรอง iso22000 ที่ออกโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและการตรวจสอบของกระทรวงเศรษฐกิจ และทั่วไต้หวันเขาเป็นร้านขๅยมันเทศร้านที่สองที่ได้รับใบรับรองนี้ ”
พร้อมกันนี้เขาก็ยังหนุนใจคนอื่นๆ ว่า “ทุกคนต้องเชื่อในสิ่งที่ตนเองเลือกเดิน อุปสรรค ความทุกข์มีไว้เพื่อให้เรามีแรงกระตุ้นเดินหน้าต่อไป ใครที่เคยดูถูกเราในอดีตหุบปากไปเลย”
นอกจากนี้เขาก็ยังมีจิตใจที่เมตตา เขาตระหนักดีว่า ตอนลำบากแล้วไร้ที่พึ่งพานั้นมันทุกข์ใจแค่ไหน ทำให้เขามักนำเงินไปช่วยเหลือคนยากไร้อยู่เสมอ เช่น เป็นกองทุนสนับสนุนเด็กที่จะไปแข่งกีฬาทีมชาติ เนื่องจากในบางพื้นที่งบของรัฐบาลเข้าไม่ถึง
สุดท้ายเขาอยากจะขอบคุณบุคคลเหล่านี้คือ คนที่ช่วยเขา ดึงเขาให้สู้ต่อ ผู้มีพระคุณที่คอยช่วยเหลือเขาตลอดเวลา ขอบคุณแฟนสาวคนนั้นที่ทิ้งเขาไป ในยุคเศรษฐกิจที่ปั่นป่วน ทุกอย่างไม่แน่นอน ทุกอาชีพไม่เคยแบ่งแยกชนชั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณมีความมุ่งมั่นที่อยากจะประสบความสำเร็จหรือไม่
แหล่งที่มา play543 / หมื่นพันเหตุผล เรียบเรียงโดย ยิ้มสยาม