จากกรณีพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.ชัยภูมิ ได้แอบโอนเงินลูกค้า ไปยังบัญชีตนเองและพรรคพวก ยอมรับสารภาพว่าได้ถอนเงินจากบัญชีลูกค้า จำนวน 7 ราย ยอดเงินสูงถึง 10 ล้านบาท โดยส่วนของลูกค้าที่เข้าแจ้งแล้ว 2 ราย ทางธนาคารรับผิดชอบคืนเงินเข้าบัญชีให้ พร้อมไล่พนักงานแบงก์รายนี้ออก ก่อนแจ้งความดำเนินคดี ล่าสุด เวลา 15.00 น. วันที่ 27 ต.ค. น.ส.ปัทมา บัตรศรี อายุ 28 ปี ชาว อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ อดีตพนักงานของธนาคาร
ผู้ต้องห า ได้เดินทางมาพบ ร.ต.ท.พัชรพล อาจกมล รอง สว.สส.สภ.เมืองชัยภูมิ หลังก่อเหตุยักยอกเงินของลูกค้าธนาคารฯ จากบัญชีไม่เคลื่อนไหวหรือลูกค้าไปทำงานต่างประเทศส่งเงินมาเข้าบัญชี นานๆ ครั้งญาติจะนำบัญชีไปปรับสมุดสักครั้ง โดยใช้วิธีนำหมายเลขประชาชนไปผูกกับหมายเลขโทรศัพท์เพื่อฝากหรือถอนผ่านโทรศัพท์ จากนั้นทยอยโอนเงินของลูกออกไป
โดยมีผู้เสียหายทั้ง 2 ราย เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา รายแรกคือน.ส.ฝ้าย นามหนองอ้อ อายุ 57 ปี มอบหมายให้ น.ส.นรินทร์ ดันชัยภูมิ อายุ 36 ปี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.พัชรพล อาจกมล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ มูลค่าความเสียหาย 1.8 ล้านบาท และอีกรายนางนราทิพย์ เจียมชัยภูมิ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 336 หมู่ที่ 5 ตำบลห้วยไร่ อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ เสียหาย 1,186,568 บาท นายนัฐวุฒิ ลูกชายนางนราทิพย์ เปิดเผยว่า
กรณีที่เกิดขึ้นนี้มีข้อสงสัยหลายอย่างที่ธนาคารปกปิดข้อมูล และไม่โปร่งใสในการให้ข้อมูลกับลูกค้า เช่น ไม่แจ้งสเตทเมนต์ตามที่ขอ และไม่ชี้แจงว่าเงินในบัญชีหายไปนั้น ผู้ใดเป็นคนกระทำ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ โดยที่ตนและครอบครัวอยากทราบว่าเงินหายไปได้อย่างไร เป็นบุคคลของธนาคาร หรือเจ้าหน้าที่ของธนาคารมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ในส่วนนี้ขอให้ธนาคารช่วยชี้แจงให้ครอบครัวตนได้ทราบกรณีเงินสูญหายจากบัญชีในครั้งนี้ด้วย
ทางด้าน ร.ต.ท.พัชรพล อาจกมล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ ได้ขอหมายศาลจังหวัดชัยภูมิลงเลขที่ 152/2564 ลงวันที่ 20 ต.ค.2564 เพื่อติดตามตัว น.ส.ปัทมา พนักงานธนาคารฯ ที่ยักยอกเงิน จนมาทราบจากมูลนิธิสว่างคุณธรรมว่า น.ส.ปัทมา ประสบอุบัติเหตุขับรถลงถนนจนได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลชัยภูมิราม จึงนำหมายจับเข้าจับกุมตัว น.ส.ปัทมา ที่โรงพยาบาลเพื่อดำเนินคดี แจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์นายจ้าง และนำข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ นำส่งศาลจังหวัดชัยภูมิฝากขัง ต่อมา น.ส.ปัทมา ได้ยื่นประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์ 4 ล้านบาทขอประกันตัวในชั้นศาล
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบซิมโทรศัพท์ของ น.ส.ปัทมา ผู้ต้องหา พบซิมระบุชื่อลูกค้ามากกว่า 10 ซิม ล่าสุดวันนี้ น.ส.ปัทมา ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม และไม่ขอให้ข้อมูลใดๆต่อสื่อมวลชนที่ไปรอสอบถามว่า ต้องการขอความเป็นธรรมกับตัวเองในคดีนี้ด้วยหรือไม่
ในส่วนของทางตัวแทนธนาคารต้นสังกัด มีการเคลื่อนไหว ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.64 ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความเอาผิดกับพนักงานวัย 28 ปี รายนี้ เนื่องจากธนาคารที่เป็นนายจ้างได้รับความเสียหาย พร้อมมีคำสั่งไล่ออกจากการเป็นพนักงาน และมีการโอนเงินคืนเข้าบัญชีให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหาย ครบทุกรายทั้งหมดแล้ว
ขณะที่ ร.ต.ท.พัชรพล อาจกมล รอง สว.สส.สภ.เมืองชัยภูมิ เจ้าของคดี หลังสอบสวนเพิ่มเติม เผยว่า น.ส.ปัทมา ยอมรับสารภาพว่าได้ถอนเงินของลูกค้าธนาคาร จำนวน 7 ราย พร้อมมอบซิมโทรศัพท์พร้อมที่มีชื่อลูกค้า จำนวน 7 ซิม คาดว่ายอดเงินที่ถูกยักยอกออกจากบัญชีลูกค้าน่าจะมากถึง 10 ล้านบาท ซึ่งธนาคารจะตรวจเช็กบัญชีของลูกค้าอีกครั้งเพื่อรวบรวมหลักฐานเอาผิดกับอดีตพนักงานรายนี้ โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง และนำข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ มีธนาคาร นายจ้าง เป็นผู้เสียหายโดยตรง
ขอบคุณ ไทยรัฐ